เรื่องย่อ CSI Vegas Season 12 / ไขคดีปริศนาเวกัส ปี12
ทีมผู้สร้างมีจุดมุ่งหมายเดียวกันซึ่งทุกคนในทีมงาน CSI พยายามพิสูจน์หลักฐานฆาตกรรมร้ายแรงที่ดูเหมือนเกิดขึ้นเรื่อยๆ ตลอด 12 ปี เมื่อคิดดูว่า CSI พิสูจน์หลักฐานฆาตกรรมทุกประเภทที่มีอยู่ แต่ทีมนักเขียนบทก็ยังเขียนบทเรื่องฆาตกรรมใหม่ๆ ขึ้นมาได้เรื่อยๆ
ทีมงานเริ่มซีซั่นที่ 12 นี้ด้วยการฆาตกรรมบนรถไฟฟ้า ที่เกี่ยวข้องกับคนหลายคนที่ได้รับบาดเจ็บ ถูกยิง เหตุการณ์เกิดขึ้นใน 73 วินาที ชีวิตของคนในเหตุการณ์ทุกคนเปลี่ยนไป นี่เป็นซีซั่นหนึ่งของการเปลี่ยนแปลง ดูเหมือนเป็นตอนสำคัญที่ดีซึ่งเริ่มในปีนี้ ตอนหนึ่งในซีซั่นนี้คือ คนแปลกหน้าในรถไฟฟ้า ฉากอาชญากรรมเป็นการฉีกออกจากเนื้อเรื่องเดิมๆ
ตอนที่สองเป็นลีลาแบบเดิมของเรื่อง CSI ที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าจะพลิกแพลงไปว่า เราไม่เคยถ่ายทำแบบนี้มาก่อน คำสารภาพของผู้ต้องสงสัย 3 คน แต่ในที่สุดทั้ง 3 คนก็โดนข้อหาฆาตกรรม นับว่าเป็นตอนที่พิเศษที่เข้าไปสัมผัสพื้นฐานที่สร้างความยิ่งใหญ่ให้กับเรื่อง CSI ผู้ชมรู้สึกให้ความสงสารผู้ที่ฆาตกรรมมากมายเหลือเกิน ทำให้คุณรู้จักเรื่อง CSI หลายๆตอนมากขึ้น หมายความว่าเจ้าหน้าที่ CSI คนใหม่ ดี.บี. รัซเซล ได้รับการแนะนำให้เรารู้จัก ตั้งแต่ตอนแรกเลย แต่ในตอนที่ 2 เทล-เทล ฮาร์ทส์ เราก็ได้เห็นว่าเขาทำงานอย่างไร และสิ่งที่ทำให้เขาปราดเปรื่อง
เราต้องดูฉากที่สะท้อนบทบาทของเจ้าหน้าที่ CSI คนใหม่ รัซเซล เข้าไปในบ้านหลังที่เกิดเหตุ และเหตุผลที่ทีมงานบรรยายเรื่องนี้ได้ว่า เขาเข้าไปในบ้านได้อย่างไร มองเห็นความสยดสยองของการฆาตกรรมนี้ แล้วสิ่งที่ทีมงานชอบเป็นพิเศษคือตอนที่เขาเดินไปถึงเตียงนอนของเด็กคนนั้น เขายกมือขึ้น และก็รู้ว่าหน้าต่างบานในห้องนั้นถูกเปิดอยู่ มันบอกได้ทันทีว่า เจ้าหน้าที่ CSI คนใหม่ รัซเซล เป็น CSI ที่มีคุณภาพ เขาได้ความรู้สึกนี้มาจากการเป็นอาจารย์สอนการชันสูตรศพ
ทีมผู้สร้างให้บทเจ้าหน้าที่ CSI คนใหม่อีกคน เธอชื่อมอร์แกน โบรดี้ ในตอนหนึ่ง มันเป็นตอนที่ต้องขึ้นเฮลิคอปเตอร์แล้วมอร์แกนอาสาขึ้นไปทำหน้าที่ แต่แล้วก็ถูกจับเป็นตัวประกัน มันเป็นบทที่ถูกกำหนดไว้ได้สนุกดี ทั้งบ้าดีเดือดและสกปรก นักแสดงได้แผลจากการแสดงในครั้งนี้เนื่องในบทจะต้องถูกทำร้าย ถือว่าได้รับบทหนักทั้งหมด แล้วมันก็เกิดระเบิด ซึ่งเหมือนกับงานที่ต้องออกแรงจริงๆในแบบที่ดูน่าทึ่งมาก และมีอยู่ฉากหนึ่งที่แทรกมาให้แสดง เป็นฉากหมอคนหนึ่งที่เคยฆ่าผู้หญิงหลายคนที่มีลักษณะเหมือนกับแม่ของเขา โดยที่ฆาตกรจะกระทำการควักลูกตาของเหยื่อออกมา เมื่อคุณอ่านเกี่ยวกับคดีจริงๆ มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่มันทำให้ถึงกับช็อคกับการฆาตกรรมแบบนั้นที่มีเหตุจูงใจอยู่ และฆาตกรทำได้อย่างประณีต ถ้าคุณเข้าไปทำคดีฆาตกรรม ความจริงที่ CSI สื่อออกมาก็เพื่อบอกเรื่องราวของฆาตกรรมต่อเนื่องที่น่าสยดสยองอย่างที่ไม่อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งคิดว่าทำไมตอนนั้นถึงได้รับคำกล่าวขวัญมาก ก็เพราะว่ามันสัมผัสกับกับปัญหาความพิกลพิการทางจิตจริงๆ
นอกจากนี้ทีมงานคิดว่ามีความน่าสนใจในโครงเรื่องหนึ่ง ตอนที่ทีมงานมีความคิดที่ยอดเยี่ยมเกี่ยวกับบ้านหลังหนึ่งที่ถูกขโมยไป มันเป็นความคิดที่ง่ายๆ เมื่อเจ้าหน้าที่ CSI นิคกับซาร่า กำลังยืนอยู่หน้าที่ดินที่ว่างเปล่า สอบถามสองพี่น้องที่กำลังสติแตก แล้วคุณจะได้เห็นว่าบ้านของผู้ชายคนหนึ่งเคยตั้งอยู่ในที่ดินว่างๆ บ้านหลังนั้นตั้งอยู่ที่นี่และภรรยาของผู้ชายเจ้าของบ้านอยู่ในบ้านหลังนั้น บ้านทั้งหลังและภรรยาของเขาหายไปหมด มันเป็นเรื่องแปลก เรื่องที่ผิดปกติวิสัยไม่น่าจะเกิดขึ้น แล้วเริ่มเป็นเรื่องราวตัวละครจริงๆ ขึ้นมา
ทีมงานสร้างเรื่องหนึ่งในซีซั่นที่ 12 นี้ด้วยชื่อตอนที่น่าสนใจว่า CSI Unplugged ซึ่งมันเกิดพายุไฟฟ้าขึ้นมาครั้งหนึ่ง บ้านเรือนในเมืองพังทลาย พายุพัดโรงไฟฟ้าเสียหายไป 3 แห่ง ไฟฟ้าดับไปครึ่งรัฐ ทีมเขียนบทมีความคิดว่า จะเกิดอะไรขึ้นถ้าคุณดึงปลั๊กไฟออกจากอุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือไฟฟ้าในห้องแล็บของเรา แล้วก็เป็นเรื่องน่าสนใจมาก เพราะมีอดีตที่ปรึกษาทางด้านเทคนิคของ CSI คนเขียนบทให้กับเรื่อง และเมื่อมีการตั้งคำถามขึ้นมาว่า คุณจะทำยังไงเมื่อไม่มีไฟฟ้าใช้ เรื่องนี้ทั้งหมดก็อยู่ในความสนใจ การพิสูจน์หลักฐานก็เหมือนกับการทดลองที่โรงเรียน ต้องใช้กล้องจุลทรรศน์ ต้องใช้กรรมวิธีแบบเก่าๆ ในการเปรียบเทียบลายนิ้วมือของตัวอย่างสัก 10 คน กลายเป็นว่าของเก่าๆ ทุกอย่างเป็นของใหม่ แทนที่จะมีการตรวจดีเอ็นเอ ก็ต้องมาทำการทดลองตรวจสอบเลือดด้วยวิธีการเก่าๆ ทีมงานเลยคิดว่าเรื่องแบบนี้เป็นโครงเรื่องที่น่าสนใจจริงๆ ที่นำพาเราเข้าไปสู่ความแปลกใหม่ สู่โลกที่ถกเถียงกันเกี่ยวกับเรื่องการย้อนเวลา
เมื่อคุณได้ดู CSI ทุกๆซีซั่นมาโดยตลอด และในฐานะของทีมผู้สร้างมักจะมีแรงกระตุ้นให้ย้อนกลับไปดูซีซั่นแรกๆ แต่ไม่อยากจะเลียนแบบตัวเอง แต่มันก็มีความคิดต่างๆ แฝงอยู่ในซีซั่นแรกๆ เวกัสตอนเก่าและตอนใหม่ พิพิธภัณฑ์ของคนร้ายที่เราสร้างในตอนที่ 4 นายกเทศมนตรี กู๊ดแมน ในอดีตของลาส เวกัส ก็มาปรากฏตัวในหนัง นั่นถูกต้องแล้วที่วงล้อของทีมผู้สร้างดีเด่นในด้านความคิดและเนื้อหาที่เราเริ่มทำมาตั้งแต่ต้น คนโรคจิตและคนหลงผิด มุมมืดของเวกัสที่คุณได้เห็นการปลดเปลื้อง เมืองเวกัสส่วนหนึ่งที่นักท่องเที่ยวมองไม่เห็น ซึ่งลงตัวอีกครั้งในตรงจุดที่น่าพอใจของเรื่องราวต่างๆ ทั้งหมดในซีซั่นที่ 12 นี้
|