เสี่ยง และ ไห่เยี่ยน อยู่ที่สถานีรถไฟเซี่ยงไฮ้รอส่งเพื่อนชายของเธอ ในสถานีเดียวกันนั้นก็มีหนุ่มไต้หวันชื่อ ซูเสี่ยวเผิง อยู่ด้วยเช่นกัน ด้วยความแออัดของสถานีรถไฟทำให้ จี๋เสี่ยง และไห่เยี่ยนพลัดหลงกัน หลังจากที่ตามหากันอย่างวุ่นวายทำให้ จี๋เสี่ยง ได้พบกับเสี่ยวเผิง แต่ด้วยความเข้าใจผิดทำให้ จี๋เสี่ยง คิดว่าเสี่ยวเผิงเป็นพวกแก็งค์จับเด็กไปขาย ทำให้ จี๋เสี่ยง วิ่งหนีโดยที่ไม่ทันได้พูดจาทำความรู้จักกัน หลังจากที่กลับถึงบ้านแล้ว เพื่อนบ้านของ จี๋เสี่ยง ได้บอกกับเธอว่า "คุณชาย" ของเขากำลังจะมาที่บ้านเขาวันนี้ และอยากจะแนะนำให้เธอได้รู้จัก ไม่ช้าก็มีแท็กซี่มาจอดที่หน้าบ้านและชายคนหนึ่งลงมาจากแท็กซี่ ชายคนนั้นก็คือ เสี่ยวเผิง
เสี่ยวเผิง เป็นหลานชายของซูซัน เศรษฐีใหญ่คนหนึ่งในประเทศไต้หวัน เขามาที่เซี่ยงไฮ้ตามคำสั่งของปู่เพื่อมายึดตึกที่เคยเป็นของครอบครัวเขากลับคืน ตึกนั้นก็คือตึกที่ จี๋เสี่ยง กำลังอาศัยอยู่นั้นเอง ทุกคนที่อาศัยอยู่ในตึกแห่งนั้นโกรธเสี่ยวเผิง มากที่จะมายึดเอาที่พักอาศัยของพวกเขาไป แต่เสี่ยวเผิงกลับทำดีต่อพวกเขาจนในที่สุดทุกคนก็เข้าใจและยอมรับในความดีของเขา ในไม่ช้าเสี่ยวเผิง และจี๋เสี่ยง ก็กลายมาเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน
วันหนึ่ง ขณะที่เสี่ยวเผิง และ จี๋เสี่ยง กำลังซื้อของกันอยู่นั้น ด้วยความบังเอิญทำให้เขาได้เห็นภาพของหลี่เหมย ทำให้เกิดความประหลาดใจอย่างที่สุด เพราะหน้าตาของหลี่เหมย นั้นดูคล้ายกับ จี๋เสี่ยง มาก ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้จี๋เสี่ยง คิดว่าบางทีหลี่เหมยอาจจะเป็นย่าของตนและทั้งสองก็ช่วยกันค้นหาเธอ ระหว่างที่ทั้งสองช่วยกันค้นหาเกี่ยวกับความเป็นมาที่แสนจะลึกลับของหลี่เหมยนั้น จี๋เสี่ยงและเสี่ยวเผิงก็เริ่มที่จะหลงรักซึ่งกันและกัน เหลือเพียงแค่แสดงความรู้สึกออกมาให้อีกฝ่ายได้รับรู้เท่านั้น ไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้แสดงความรู้สึกต่ออีกฝ่าย คู่หมั้นของเสี่ยวเผิงที่มาจากไต้หวันก็ปรากฏตัวขึ้น
หย่าซือเป็นผู้หญิงที่ปู่ของเขาเลือกไว้เพื่อให้เขาแต่งงานกับเธอ แต่เสี่ยวเผิงไม่เคยมีความรู้สึกเกินเลยไปกว่าพี่ชายกับน้องสาวเลย เนื่องจากทั้งเขาและเธอเติบโตขึ้นมาด้วยกันและการหมั้นก็เกิดขึ้นตามคำสั่งของปู่เท่านั้น ไม่ได้มาจากความต้องการของเขาเอง เมื่อเป็นเช่นนี้เสี่ยวเผิงจึงตัดสินใจที่จะขอยกเลิกการหมั้นหมายครั้งนี้ โดยที่หย่าซือเองก็เริ่มดูออกว่าแท้ที่จริงแล้ว ทั้งเสี่ยวเผิงและจี๋เสี่ยงต่างก็รักกันอย่างจริงใจ ด้วยความที่เธอเป็นคนดีและฉลาดจึงยอมที่จะเป็นฝ่ายถอนตัวออกจากเสี่ยวเผิงเสียเองหย่าซือตัดสินใจบินกลับไต้หวันโดยมีเสี่ยวเผิ งกลับไปด้วยเพื่อที่จะกลับไปอธิบายเรื่องราวทั้งหมดกับปู่ของเขา (ซูซัน) ด้วยตัวเอง ก่อนที่จะกลับไปนั้นเขาได้ให้สัญญาไว้กับจี๋เสี่ยง ว่าจะรีบกลับมาหาเธอโดยเร็วหลังจากที่จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ไม่มีใครคิดว่าเมื่อกลับไปถึงไต้หวันแล้วปู่ของเขากลับไม่ยอมให้ถอนหมั้น ซ้ำยังไม่ยอมให้เขากลับมาที่เซี่ยงไฮ้อีก
จี๋เสี่ยง รอคอยการกลับมาของเสี่ยวเผิงอยู่ที่สนามบาสข้างบ้านทุกวันๆ โดยที่ไม่รู้เลยว่าเสี่ยวเผิงถูกปู่ของเขากักตัวไว้ไม่ให้กลับมาหาเธออีก เวลาผ่านไปได้สองสัปดาห์ก็ยังไม่มีการติดต่อของเสี่ยวเผิงแม้แต่น้อย จนกระทั่งวันหนึ่ง เธอได้รู้ข่าวว่าเสี่ยวเผิงกำลังจะแต่งงานในวันฉลองในฤดูใบไม้ผลิปีนี้ ทำให้จี๋เสี่ยง คิดที่จะจากที่ๆทำให้เธอเจ็บปวดเมื่อต้องคิดถึงเสี่ยวเผิงไปแต่เธอก็เปลี่ยนใจและคิดที่จะอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ต่ออย่างเข้มแข็ง
แล้วก็มาถึงวันฉลองในฤดูใบไม้ผลิ วันที่เสี่ยวเผิงต้องแต่งงาน ขณะที่ภายนอกดูเหมือนว่าเธอเฉลิมฉลองอย่างมีความสุข แต่ภายในใจจี๋เสี่ยง กลับเป็นทุกข์แสนสาหัส ไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีแท็กซี่คันหนึ่งแล่นเข้ามาในงาน ทำให้ทุกๆคนรวมถึง จี๋เสี่ยง ต้องหันไปมองคนที่ลงมาจากรถคันนั้น ไม่ใช่ใครเลยนอกจากเสี่ยวเผิง ทันทีที่เขาก้าวลงมาจากรถเรียบร้อย ทั้งคู่ก็สวมกอดกันราวกับว่าจะไม่ให้ใครมาพรากจากพวกเขาได้อีก แม้ว่าเสียงในงานจะดังแต่ทั้งคู่ก็รู้สึกและสามารถได้ยินเสียงกระซิบของ จี๋เสี่ยง ว่า "ฉันรักเธอ" ภายในใจของทั้งสองเป็นสุขอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนในชีวิต เสี่ยวเผิงยอมรับว่าเขาหนีออกมาโดยมีหย่าซือคอยให้ความช่วยเหลือ ทั้งสองสัญญาต่อกันว่า ต่อแต่นี้ไปจะไม่มีใครมาพรากเขาและเธอออกจากกันได้อีก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
แต่แล้วปู่ของเสี่ยวเผิงก็ตามมาจากไต้หวันมาที่เซี่ยงไฮ้ โดยบอกให้เสี่ยวเผิงบินกลับไต้หวันภายในสองวัน ไม่อย่างนั้นเขาจะตัดความสัมพันธ์โดยที่เสี่ยวเผิงจะไม่ได้มรดกจากปู่ของเขาแม้แต่น้อย แต่เสี่ยวเผิงกลับไม่สนใจในเรื่องนี้และยืนยันที่จะอยู่เซี่ยงไฮ้กับคนรักต่อไป ในวันที่ซูซันกลับไต้หวัน วันนั้นฝนตกเสี่ยวเผิงและจี๋เสี่ยง ยีนตากฝนเพื่อรอส่งปู่ของเขาอยู่ที่สนามบิน ทันทีที่ซูซันเห็นหน้าของจี๋เสี่ยง ก็นึกถึงหลี่เหมยหญิงสาวที่เขารักมาตลอดชีวิตเสี่ยวเผิงแนะนำปู่ของเขาว่าผู้หญิงคนนี้คือจี๋เสี่ยง คนที่เขารักและจะแต่งงานกับเธอ ซูซันจึงตัดสินใจไม่กลับไต้หวันและได้เล่าเรื่องของหลี่เหมยให้ทั้งสองฟัง
......เมื่อ 50 ปีก่อนสมัยที่ซูซันยังเป็นเด็กหนุ่มได้ช่วยพ่อของเขาทำธุรกิจจนประสบความสำเร็จชนะบริษัทของพ่อหลี่เหมย หลังจากที่พ่อของหลี่เหมยล้มละลายและฆ่าตัวตายเพื่อหนีปัญหา จากเหตุการณ์นี้เองทำให้ซูซันตัดสินใจคืนทรัพย์สินที่เป็นของหลี่เหมยกลับคืนไปให้เธอและน้องสาวดูแล แต่พ่อของซูซันกลับกีดกันทั้งคู่ไม่ให้รักกันและยังหาว่าหลี่เหมยต้องการอยู่ตีสนิทกับเขาเพียงเพื่อแก้แค้นแทนพ่อของเธอเท่านั ้น อย่างไรก็ตามซูซันก็ตกหลุมรักหลี่เหมยตั้งแต่แรกพบและยังคงรักเธอต่อไป ทำให้เกิดเรื่องราวความรักที่ยากที่จะลืมได้ ตั้งแต่ที่ความรักของคนทั้งสองถูกกีดกัน ซูซันก็ยอมละทิ้งความร่ำรวย ยอมหนีออกมาจากครอบครัวที่มีฐานะจัดอยู่ในขั้นเศรษฐีมาอยู่กับหลี่เหมยใช้ชีวิตกันอย่างยากลำบาก ทั้งสองมีลูกชายด้วยกัน แต่ภายหลังเกิดเหตุจำเป็นบางอย่าง ทำให้เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมกลับไปหาพ่อของเขา โดยไม่ได้บอกให้หลี่เหมยรู้ พ่อของซูซันบังคับเขาไม่ให้ออกจากไต้หวันอีก ซูซันจึงไม่มีโอกาสแม้กระทั่งจะอธิบายกับหลี่เหมยได้ว่าทำไมเขาถึงหนีหายไปจากเธอ ภายหลังที่พ่อเขาเสียซูซันก็รีบออกตามหาหลี่เหมยและสืบข่าวของเธอจนรู้ว่า 3 ปีหลังจากเขาทิ้งเธอไป เธอกลายเป็นบ้า และตายอยู่ท่ามกลางหิมะโดยทิ้งลูกชายเอาไว้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่เขาไม่ได้ข่าวคราวของลูกชายแม้แต่น้อย.....
หลังจากได้พบกับจี๋เสี่ยง แล้วซูซันก็ยอมรับเธอและให้เสี่ยวเผิงแต่งงานกับเธอโดยไม่คัดค้านอีก วันหนึ่งจี๋เสี่ยง ได้รับของขวัญจากหย่าซือเป็นจี้ห้อยคอสีบรอนด์ซึ่งเป็นของที่จี๋เสี่ยง ได้ให้เธอไว้ตอนที่หย่าซือกลับไต้หวันไปคราวก่อนเพื่อเป็นที่ระลึกในการเป็นเพื่อนที่ดีของเธอทั้งสอง ตอนนี้หย่าซือได้ส่งมอบมันคืนให้กับจี๋เสี่ยงอีกครั้ง ซูซันได้เห็นจี้ห้อยคออันนั้น และถามถึงว่าเธอไปได้มันมาจากที่ไหน เธอตอบว่ามันเป็นของๆพ่อเธอเอง ทำให้ซูซันประกาศยกเลิกการแต่งงานของทั้งสอง เพราะจี้อันนั้นเป็นของที่เขาได้มอบให้แก่ลูกชายของหลี่เหมย มันหมายความว่า ทั้งจี๋เสี่ยงและเสี่ยวเผิงเป็นญาติกัน หลังจากที่สอบถามกันจนแน่ใจแล้วว่าเป็นเรื่องจริง ทำให้จี๋เสี่ยง และเสี่ยวเผิงต้องกลายมาเป็นญาติสนิทกัน พวกเขาไม่สามารถหลีกหนีความจริงนี้ได้จี๋เสี่ยง น้ำตาคลอเช่นเดียวกับเสี่ยวเผิงที่เจ็บปวดอย่างยิ่ง
...3 ปีต่อมาในไต้หวัน เสี่ยวเผิงอยู่กับหย่าซือ และสามีกับลูกชายของเธอฉลองงานวันเกิดครบรอบ 25 ปี ของเสี่ยวเผิง ก่อนที่เขาจะอธิฐาน ทนายความก็ได้มอบซองๆหนึ่งให้กับเสี่ยวเผิง มันคือสิ่งที่พ่อแม่ของเขาตั้งใจว่าจะมอบของขวัญชิ้นนี้ให้เมื่อเขาอายุครบ 25 ปีก่อนที่จะสิ้นลม หลังจากที่เขาเปิดซองออกอ่านอย่างมีประกายความหวังในแววตา
ขณะเดียวกันนั้น ที่เซี่ยงไฮ้ จี๋เสี่ยง อยู่ในห้องนอนของเสี่ยวเผิง เธอมองดูกำแพงที่เขาและเธอช่วยกันทาสี (แต่ไม่เคยเสร็จสักที) และพูดขึ้นเบาๆว่า " เสี่ยวเผิง สุขสันต์วันเกิด..." วันต่อมาขณะที่เธอกำลังพากลุ่มทัวร์ดูสถานที่ๆเขาและเธอเคยไปด้วยกัน เธอก็คิดถึงเสี่ยวเผิง เธอบรรยายให้ลูกทัวร์ฟังถึงสถานที่นั้นว่าเป็นที่ๆกวีเอกชอบใช้ และมีคำพูดที่เธอชอบมากที่สุดคือ "ฉันอยากให้คุณรู้ว่า.." เธอหันหน้าไปหาลูกทัวร์และเห็นเสี่ยวเผิงยืนอยู่ท่ามกลางพวกเขา เธอหยุดพูดไปสักพักแล้วพูดต่อโดยมองหน้าเสี่ยวเผิงด้วยสายตาที่เอ่อล้นไปด้วยน้ำตา "ฉันอยากให้คุณรู้ว่า ในโลกนี้ ยังมีคนที่รอคอยคุณอยู่เสมอ ไม่ว่าเมื่อไหร่ หรือแม้ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนก็ตาม คุณจะมีคนๆนั้นอยู่ด้วยเสมอ..." จี๋เสี่ยง ส่งยิ้มให้กับเสี่ยวเผิง แล้วน้ำตาก็ไหลอาบแก้มทั้งสองข้างของเธอ
หลังจากที่ทั้งสองฝ่าฟันอุปสรรค์มีทั้งความสุขและความทุกข์ด้วยกัน หนทางแห่งความสุขส่องประกายเข้ามาในชีวิตเมื่อในซองของขวัญที่พิเศษสุดนั้นเขียนไว้ว่าเสี่ยวเผิงเป็นเพียงลูกที่ลูกชายของซูซั นเก็บมาเลี้ยงเท่านั้น ดังนั้นเสี่ยวเผิงจึงไม่ใช่ญาติกับจี๋เสี่ยง อีกต่อไป ต่อแต่นี้ไปเขาและเธอจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขโดยไม่มีอะไรมาพรากจากอีกต่อไป.....
|